ท่านใดต้องการอ่านเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางเชิญอ่านที่ครับ
http://trongtham.spaces.live.com/blog/cns!E1BF28D8280B1300!2006.entry
ส่วนบล๊อกนี้ผมจะเก็บเฉพาะข้อมูลเกี่ยวกับหม้อข้าวหม้อแกงลิงเท่านั้นนะครับ
สำหรับภูคิ้ง ที่นี่มีหม้อข้าวหม้อแกงลิง N. smilesii ซึ่งภาษาถิ่นที่นี่เรียกว่า “บั้งเต้าแล่ง” อันมีความหมายว่า กระบอกน้ำที่มีน้ำในหน้าแล้ง บริเวณยอดภูที่พบ มี 2 ที่ด้วยกัน หนึ่งคือ แหลหินเงิบ ซึ่งอยู่ห่างจากยอดภูคิ้งประมาณ 3 กม. ภูมิประเทศบริเวณนี้ เป็นทุ่งหญ้าสะวันน่า บริเวณขอบผามีความสูงกว่า และลาดลงช่วงกลางของที่ราบ ซึ่งมีลำธารเล็ก ๆ ไหลให้ความชุ่มชื้น แต่บริเวณที่หม้อข้าวหม้อแกงลิงอยู่นั้น เป็นบริเวณซึ่งโล่งแจ้ง พื้นดินทรายค่อนข้างแห้ง ปะปนด้วยลานหินและก้อนหินขนาดใหญ่ มีไม้พุ่มขึ้นประปราย ที่พบมากจะเป็น ผักเม็ก และ ม้ากระทืบโรง ปะปนกับหญ้าเพ็ก หยาดน้ำค้าง ฯลฯ
ลองมาดูความหลากหลายของหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่นี่กันดีกว่า
ลำต้น
หม้อล่าง
หม้อบน
ดอก
และที่นี่ ผมได้สังเกตเห็น อาณาจักรสัตว์ผู้อาศัย Infuana คือ แมงมุมชนิดหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ภายในหม้อ และกินซากเหยื่อที่หม้อจับได้อีกทีหนึ่ง
บริเวณที่ 2 ที่พบ คือ แหลหินจ้อง หรือ ลานหินตั้ง อยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานภูคิ้งเพียง 500 ม. บริเวณนี้ มีลำธารขนาดใหญ่ไหลผ่าน ทำให้ดูมีความชุ่มชื้นมากกว่า แต่ส่วนที่อยู่ห่างจากลำธารก็ดูแห้งแล้งบ้างเหมือนกัน
ลำต้นทรงพุ่ม
หม้อล่าง บริเวณนี้ มีสีสันสดใสกว่า โดยเฉพาะที่อยู่ใกล้ลำธาร
หม้อก้ำกึ่ง Intermediate
หม้อบน
ดอกเพศเมีย ซึ่งกำลังแตกฝัก เยอะมาก ๆ
บริเวณนี้ ผมก็สังเกตเห็นแมงมุมซึ่อาศัยในหม้อเช่นเดียวกัน
และช่วงเช้า ดูจะเป็นเวลาอาหาร เพราะจะเห็นได้ว่ามีมดจำนวนมากมาตอมหม้อในช่วงนี้ พอแดดแรงแล้วมันคงจะร้อนเกินไปสำหรับพวกมด
สำหรับภูคิ้งแล้วก็เป็นอีกที่หนึ่งที่มีหม้อข้าวหม้อแกงลิง N. smilesii จำนวนมาก แต่เมื่อเทียบกับความลำบากในการเดินทางแล้ว ถ้าใครอยากศึกษา ผมแนะนำที่ภูกระดึง หรือทุ่งโนนสนจะสะดวกกว่าครับ เพราะสำหรับผมเองก็ขอยอมรับว่า มาที่นี่ครั้งแรก และคงจะเป็นครั้งเดียว เข็ดแล้วครับ เหนื่อยจริง ๆ แล้วพบกันใหม่นะครับ ตอนหน้า ผมจะพาทุกท่านไปดูหม้อข้าวหม้อแกงลิงจากทางภาคใต้บ้างล่ะ จะเป็นที่ใดบ้าง เตรียมตัวติดตามกันได้เลยครับ